วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ใบงานที่ 8 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”

8 from kookkai21

ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท “การประยุกต์ใช้งาน”

ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”

ใบงานที่ 5 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาเครื่องมือ”

ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท “การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา”

ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน

ใบงานที่ 3 เรื่อง ขอบข่ายและประเภทของโครงงาน

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

บทความ : โรงเรียนนี้น่าอยู่ : โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย (ย.ว.)


โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย (โรงเรียนกลางเวียง) จ.เชียงใหม่ (ย.ว.)
หมวดที่ 1 : นี่แหละโรงเรียนเรา
         (1) ความเป็นมา>> โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เป็นร.ร.รัฐบาลแห่งแรกของเชียงใหม่ สถาปนาขึ้นเมื่อพ.ศ.2432 ตามพระบรมราโชบายของรัชกาลที่ 5 โดยทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดเป็นโรงเรียนตัวอย่างและฝึกอบรมกุลบุตรกุลธิดา ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ยังมีพระราชประสงค์จะปลูกฝังให้นักเรียนเป็นคนขยันขันแข็ง เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี และเป็นพลเมืองดี โรงเรียนหลวงที่ตั้งขึ้นมีจุดประสงค์สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เพื่อเป็นโรงเรียนตัวอย่างแก่โรงเรียนอื่นๆ ในเชียงใหม่ จึงมีชื่อเป็นที่รู้จักของคนสมัยนั้นว่า ร.ร.ประจำมณฑลพายัพ จนกระทั่งปี 2448 เมื่อรัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสมณฑลพายัพ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเยี่ยมโรงเรียนเมื่อ 24 ธ.ค.2448 ได้โปรดพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 500 บาท สมทบการสร้างโรงเรียนและพระราชทานนามโรงเรียนที่ก่อสร้างใหม่ว่า โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งมีความหมายว่าเป็นโรงเรียนของสมเด็จพระยุพราช
         (2) ประเภทโรงเรียน>> ในอดีตเป็นโรงเรียนประจำมณฑลพายัพ เป็นโรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด ปัจจุบันเป็นแบบสหศึกษา เปิดการสอนตั้งแต่ ม.1 - 6 เป็นโรงเรียนรัฐบาลประจำจังหวัด และโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ และเป็นศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (โครงการ พสวท.) ประจำภาคเหนือ
        (3) สีประจำโรงเรียน>> บานเย็น (สีประจำมณฑลพายัพ และประจำจังหวัดเชียงใหม่)
        (4) ที่ตั้งโรงเรียน>> ใจกลางเมืองเชียงใหม่ เยื้องเฉียงลงมาในทางขวามือของอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ (ถ้าหันหลังให้อนุสาวรีย์สามกษัตริย์) โรงเรียนอยู่ใกล้วัดวาอารามมากมาย ขนาดภายในโรงเรียนยังมีวัดเลย ตั้งอยู่เลขที่ 238 ถนนพระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่
        (5) เครื่องแต่งกาย >> ชุดพละ - เสื้อสีบานเย็น มีแทบสีกรมท่าที่บนไหล่ซ้ายและขาว บนกระเป๋ามีปักตราโรงเรียนเอาไว้ ส่วนกางเกงพละเป็นกางเกงวอร์มสีกรมท่า มีแทบสีบานเย็นที่ด้านข้างกางเกง ชุดพื้นเมือง – ใส่วันศุกร์
        (6) ดอกไม้ประจำโรงเรียน >> ดอกชงโค
        (7) สิ่งที่เคารพนับถือ >>
                7.1 พระบรมราชานุเสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ หรือเสด็จพ่อร.๖
                7.2 ตึกยุพราช >> เป็นตึกที่เก่าแก่ที่สุดในโรงเรียน เป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติของโรงเรียนยุพราช ส่วนชั้นบนจัดตั้งเป็นหอวชิรวุทวิทยานุสรณ์ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ที่ประดิษฐานพระบรมสาธิตลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 6 7 และ 9 พระราชชายาเจ้าดารารัศมี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ และผู้มีพระคุณต่อโรงเรียนอื่นๆ อีกมากมาย
                7.3 เจดีย์วัดนางเหลียวและธรรมสถาน >> ใช้เคารพบูชา ยึดเหนี่ยวจิตใจและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญต่างๆ ส่วนธรรมสถานเดิมเป็นวัดนางเหลียวที่ถูกปล่อยให้รกร้าง ทางโรงเรียนได้ทำการบูรณะและใช้เป็นที่สอนวิชาพระพุทธศาสนา ภายในประดิษฐานพระทศพลญาณมหามุนี องศ์พระประธานวัดนางเหลียว และพระสมเด็จพระยุพราช พระพุทธรูปประจำโรงเรียน
                7.4 ศาลเจ้าแม่น้ำแดง (ชื่อจริงๆ จำไม่ได้) แต่เวลาบนต้องเอาอะไรก็ได้ที่เป็นสีแดงมาบนกล่าวไว้
                7.5 เรือนแก้ว >> โรงเรียนยุพราชมีอายุมากว่า 100 ปีแล้ว อาคารต่างๆ ที่สร้างมาแต่แรกมีการเสื่อมไปตามกาลเวลา อาคารที่ดูไม่ทันสมัยต่อการใช้งานก็ต้องรื้อเพื่อสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาทดแทน แต่การจะนำไม้ที่ยังแข็งแรงอยู่ทิ้งไปก็เสียดายเปล่า จึงได้นำหน้าต่าง วงกบ ประตู มาแยกชิ้นแล้วนำมาสร้างเป็นเรือนแก้ว เพื่อเป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงอาคารต่างๆ และยังสะท้อนให้นักเรียนทกคนได้รู้ว่าหากไม่มีไม้เหล่านั้นก็จะไม่มีอาคารวันนี้
                7.6 เจดีย์วัดหมื่นครอง >> เวลาเดินเข้ามาในโรงเรียนนักเรียนจะต้องยกมือไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคล
           (8) แบ่งชั้นเรียนยังไง >>
                  เริ่มต้นที่ ม.ต้น อาจจะไม่ละเอียดมาก จะมี 11 ห้องเรียน โดยแบ่งเป็นห้องเรียนโครงการ 3 ห้องเรียน คือ 1.ห้อง 9 โครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์  2.ห้อง 1 และ 2 โครงการหลักสูตรสองภาษา (English Program) 3.โครงการหลักสูตรนานาชาติ (International Program)
และห้องเรียนปกติอีก 8 ห้องเรียน ซึ่งทุกห้องมีการเรียนการสอนแบบมาตรฐานสากล
                  ส่วน ม.ปลาย ที่นี่ก็มีการแบ่งสายเหมือนโรงเรียนอื่นๆ ทั่วไป แต่ที่พิเศษกว่าหลายๆ ที่ก็ตรงที่มีห้องเรียนโครงการเยอะ เพราะเราเป็นศูนย์วิชาต่างๆ ของภาคเหนือ ถ้ามองเป็นสายการเรียนแล้วจะมีอยู่ 3 สายการเรียน สายวิทยาศาสตร์ จะแบ่งเป็น 10 ห้องเรียน แยกออกเป็นห้องโครงการต่างๆ รวม 9 โครงการ คือ
                       1. โครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (โครงการ พสวท.) ประจำภาคเหนือ
                       2. โครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถฯ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาคสมทบ (โครงการ พสวท.สมทบ)
                       3. โครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์
                       4. โครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถฯ คณิตศาสตร์ (Gifted.Math.)
                       5. โครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถฯ ภาษาไทย (Gifted.Thai.)
                       6. โครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถฯ ภาษาอังกฤษ (Gifted.Eng.)
                       7. โครงการหลักสูตร English Gifted Program
                       8. โครงการหลักสูตรสองภาษา (English Program)
                       9. โครงการหลักสูตรนานาชาติ (International Program)
                 แต่เวลาแบ่งห้องที่นี่ก็เอามารวมๆ กัน แต่หลังๆ มานี้มีการแยกห้องให้ชัดเจน จะไม่ขอเล่าเจาะจงในห้อง แต่จะเล่าว่าในห้องมีเด็กนักเรียนกลุ่มไหนบ้างเรียน
                ห้อง 1 ห้องเรียนนักเรียนพสวท.ทุน กับนักเรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ เรียนด้วยกัน
                ห้อง 2 ห้องเรียน Gifted.Math. กับนักเรียนธรรมดาปกติทั่วไปที่ได้คะแนนวิชาวิทย์-คณิต (ดีเยี่ยม) จากการสอบคัดแยกห้องมา หรือห้อง King นั่นเอง
                ห้อง 3 ห้องเรียน Gifted.Eng. กับนักเรียนธรรมดาปกติทั่วไปมาคละกัน
                ห้อง 4 ห้องเรียน Gifted.Thai. กับนักเรียนธรรมดาปกติทั่วไปมาคละกัน
                ห้อง 5 ห้องธรรมดาปกติทั่วไป แต่พิเศษที่ว่าเป็นห้องที่มีนักเรียนคละกัน
                ห้อง 6 ห้องธรรมดาปกติทั่วไป แต่พิเศษที่ว่าเป็นห้องที่มีนักเรียนคละกัน
                ห้อง 7 ห้องเรียนนักเรียนที่ได้คะแนนวิชาวิทย์-คณิต (ดีเยี่ยม) จากการสอบคัดแยกห้องมา หรือห้อง Queen นั่นเอง ห้องนี้มีลักษณะคล้ายๆ ห้อง 2
                ห้อง 8 และ 9 ห้องเรียนนักเรียนพสวท.สมทบ เรียนอยู่
                สายภาษาต่างประเทศ มีอยู่ 6 ห้องเรียน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มการเรียน คือ ศิลป์คำนวณ[2], ศิลป์ฝรั่งเศส[1], ศิลป์จีน[2], ศิลป์ญี่ปุ่น[1]
                สายอินเตอร์ ห้องเรียนกลุ่มนี้มี 4 กลุ่ม คือ
                     กลุ่มที่ 1 ห้องเรียนสองภาษาเด็กความสามารพิเศษ หรือ Gifted.EP. เป็นห้องเรียนที่ยกระดับคุณภาพมาจากนักเรียน Gifted.Eng. เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษสำหรับเด็กผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ
                     กลุ่มที่ 2 ห้องเรียนสองภาษา หรือ เด็ก EP. ถือเป็นกลุ่มวิทยาศาสตร์ห้องสุดท้าย คือ ห้อง 16 ห้องนี้มีชื่อว่า วิทย์.EP เป็นห้องที่มีนักเรียนน้อยมากในสายวิทย์เลยทีเดียว
                     กลุ่มที่ 3 ห้องเรียนสองภาษา หรือ เด็ก EP. ถือเป็นกลุ่มภาษาต่างประเทศอีกห้องนึง ห้องนี้มีชื่อว่า ศิลป์คำนวณ.EP เป็นอีกห้องที่มีนักเรียนน้อยมากเช่นเดียวกัน เวลาเรียนวิชาสามัญจะเรียนปนกับ วิทย์.EP แต่เวลาเรียนวิชาเอก จะแยกกันเรียน (มั้ง)
                      กลุ่มที่ 4 ห้องเรียนนานาชาติ หรือ เด็ก IP. เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กกลุ่มใหม่ที่โรงเรียนได้มีโครงการจัดขึ้นมา ส่วนใหญ่ที่มาเรียน เพราะอยากไปต่อเมืองนอกกัน ซึ่งคุณสมบัติในการรับสมัครก็ต้องการจะไปศึกษาต่างประเทศเท่านั้นด้วย
           (9) วิธีเรียน >> มีทั้งเดินเรียน และนั่งเรียน อย่าง ม.1 ถึง ม.4 นั่งเรียนมีตึกเป็นตึกของตัวเองเลย เดินเรียนเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ คอม-อังกฤษ และคอมพิวเตอร์ เกษตร การงาน ดนตรี-นาฏศิลป์ พละ พวกวิชาเลือกเสรี ส่วน ม.5 ม.6 (55+) เดินเรียนต่อไป เพราะ ตึกใหม่ยังไม่เสร็จคาดว่าจะสมบูรณ์อีกในข้างหน้านี้ (เป็นตึกที่สวยงามมากๆ มีชั้นใต้ดินด้วยราคา 60,000,000 บาท)

           (10) สภาพห้องเรียน >> ถ้าอยู่ห้องพวกห้องพิเศษ และอินเตอร์ ก็มีทั้งแอร์ ทีวี คอมเป็นของของห้องไปเลย สบายมาก แต่ถ้าอยู่ห้องทั่วไป แม้แต่ห้องคิงควีน ก็นั่งพัดลมตลอดชาติ (แงๆ) แต่มันก็ดี เพราะทำให้เราได้เดินออกกำลังกาย (ครูบอก) โรงเรียนเรามองภายนอกดูใหญ่อลังการมาก แต่ถ้าได้เข้ามาเดินภายในโรงเรียนดู จะรู้ว่ามันเล็ก เน้นอีกอันก็คือกระดานสวยมาก สีเขียว หลายโรงเรียนเข้ามาบอก แอ๊! โฮงเฮียนยุพราชฯเขียนชอร์คว่ะ ความจริงมันเป็นกระดานที่ต้องใช้ปากกาสีโปรสเตอร์ต่างหาก มี 10 กว่าสี เพื่อจะได้ช่วยในเรื่องของการจำให้กับนักเรียน แต่เขียนจริงๆ เจออยู่ 4 สี คือ ขาว ชมพู เหลือง ฟ้า สีอื่นไปไหน 55

            (11) จุดเด่นของโรงเรียน >> จุดเด่นของโรงเรียนมันเยอะมากจริงๆเล่าทั้งวันก็เล่าได้ไม่ครบ เอาเป็นพวกพิธีการละกันครับ
              1. วันมอบตัวและวันอำลาจบหลักสูตร ไม่ว่าจะเข้า ม.1 ม.4 หรือจบ ม.3 ม.6 จะต้องมีพิธีที่นักเรียนทุกต้องทำเพื่อถวายตัวเป็นลูกยุพราช คือ “พระราชพิธีถวายความเคารพ” ทุกคนจะมาตั้งแถวสวย ตรงเป๊ะ เรียบร้อยมาก มาถวายบังคม ซึ่งเป็นประเพณีที่มีอายุจนถึงปัจจุบันก็ร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งถ้าไม่ได้ร่วมพิธีก็ไม่ถือว่าเป็นลูกยุพราชโดยแท้จริง
              2. การเรียนมารยาทชาววัง สำหรับนักเรียนใหม่ ม.1 และม.4 การเรียนสำหรับชั่วโมงนี้โหดสุดๆ เลยเพราะเราต้องเรียนมารยามที่เป็นพระราชประเพณีของชาววัง ในการเข้าเฝ้าหรือรับใช้พ่ออยู่หัว จะมีครูอยู่ท่านตอนนี้ท่านเกษียณไปแล้วเป็นคนสอน (แต่ครูคนปัจจุบันที่มาแทนเค้าว่ากันว่าโหดไม่แพ้กันเลย) จะมีเรียนการกราบไหว้ที่ถูกต้องทั้งหมด
              3. การเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเราจะได้เรียนในธรรมสถาน มันจะช่วยให้นักเรียนได้รู้จักกับความเป็นพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง รู้ลึกขั้นเทพถึงขั้นหลับกันเป็นแถวๆ 555+ แม้นักเรียนแถวหน้าระดับเกรด 3.98 ก็หลับมาแล้ว
              4. ชื่ออาคารเรียน บางอาคารไม่เรียกอาคารแต่เรียก “เรือน” เพราะเดิมสร้างด้วยไม้และเป็นงบประมาณของแผ่นดินทั้งหมด ทางกระทรวงศึกษาฯ ให้ยกระดับจากชื่อ “อาคาร” ให้เป็น “เรือน” และนักเรียนส่วนใหญ่ก็จำชื่อจริงอาคารไม่ได้ แต่จำชื่อเลขอาคารได้ แต่ไม่รู้ที่ตั้งของอาคาร (เหอะๆๆ)
              5. การปักเข็มของหัวห้อง และคณะกรรมการนักเรียน ที่จะแตกต่างกว่าชาวบ้าน คือสวยกว่า ใหญ่กว่า เด่นกว่า และได้ฟรี เป็นรูปโล่สีแดง และสีน้ำเงิน
              6. ข้อสอบวิชา ชีววิทยา และเคมี (ม.6) ที่เยอะมากจนพูดได้คำเดียวว่าทำไม่ทัน เพราะ เยอะมากแล้วมีหลายตอน และหลายชุดด้วย และข้อสอบมีหลายรูปแบบอีก คือถ้าจะลอกต้องมองกันแทบจะเป็นลมเลยว่ามันชุดเดียวกันมั้ย
              7. ข้อสอบวิชา ภาษาอังกฤษ (ม.ปลาย) ที่ตกเยอะเกินของนักเรียนทั้งชั้น เพราะ โรงเรียนเราอย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นศูนย์วิชาการ ซึ่งรวมถึงภาษาอังกฤษด้วย ข้อสอบไม่ธรรมดา และถึงว่ามีแต่คนผ่านเรียงรุ่นเลย
              8. การเรียนวิชา คณิตศาสตร์ (ม.ปลาย) เข้มข้นมากๆ กับอาจารย์ระดับเทพ ที่สอนห้องพสวท. ห้องพิเศษ. ห้องกิฟ.แมท. ที่บอกได้คำเดียวว่า โดนเต็มๆๆ โดนด่าครับ เช่น “พวกเธอนี่เรียนไปก็ไม่ได้เอาไปใช้กันหรอกใช่ไหม? นร.5555” ครูคณิตผช.ที่สุดครับ ระดับหัวหน้าหมวดสอน ม.4 สอนดีแต่ไม่ถึงแก่นเลย “คิงหยังมาง่าว ง่าวไบ๊ง่าวบอด นร. ก็มันยากนี่ ข้อสอบเขียนน่ะครู ไม่ใช่กา” ครูผญ.พวกเราเรียกเจ๊ไหม (แซว) ครูฮามาก สอนดีแต่ออกข้อสอบยากไปหน่อย แล้วก็ชีทแคลครูเอามาใช้เรียน ปี1 ได้ดีจริงๆครับ ยืนยัน!
              9. โรงเรียนถ่ายรูปสวยมากๆ โดยเฉพาะสนามโรงเรียน
 หมวดที่ 2 : สิ่งมีชีวิตในโรงเรียน
             (1) จำนวนนักเรียน >> ประมาณ 4,000 คน ถึงจะดูไม่เยอะเท่าโรงเรียนประจำจังหวัดอื่นๆ อย่างที่รู้กันเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีโรงเรียนดีๆ เยอะ นักเรียนจะกระจายกันไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรงเรียนเอกชนซะมากกว่า ในกลุ่ม ร.ร.มงฟอร์ต ,ร.ร.ปริ้นส์ ,รร.ดารา ,ร.ร.เรยีนา ,ร.ร.พระหฤทัย ส่วนรัฐบาลที่ชอบเข้ากัน ร.ร.วัฒโน ,ร.ร.สาธิตมช. แต่ถ้าถามว่าที่ไหนเด็ก ม.ปลายเยอะสุดในเชียงใหม่ก็ต้องยุพราชเนี่ยแหละเยอะสุด แต่หลังๆ มงฟอร์ตก็เยอะใกล้เคียงกัน (ของเค้าก็ดีจริง)

             (2) คนนี้แหละ น่ารักเว่อร์ >> มีหลายคน และหลายแนวมาก เอารุ่นพี่ที่ผ่านมาละกัน น้ำ พสวท.ที่ 1 ของ ร.ร., ส้มโอห้อง 2 วิทย์คณิต, แคนห้อง 4 วิทย์คณิต, พิมห้อง 5 วิทย์คณิต, น้ำตาลห้อง 6 วิทย์คณิต, บุ๋มบิ๋ม-โตโต้-นุกนิกห้อง 8 พสวท.สมทบ, หลิวห้อง 9 พสวท.สมทบ, อู๋ห้อง 10ศิลป์คำนวณ,แนท-เจมมี่-โอมห้อง 11ศิลป์คำนวณ, ยา-จุ๊บแจง-กวาง ศิลป์ฝรั่งเศส, เฟรน-ไอซ์-ฟลุ๊ค-ต้นไม้-ปุ่นศิลป์จีน, แคนดี้ศิลป์ญี่ปุ่น, พลอยอัด-มะปราง-ปันนี่ห้อง 16EP มีอีกเยอะแต่พอเหอะชั้นอีกก็น่ารักมากๆ ม.6 รุ่นนี้ยิ่งน่ารัก!!
หมวด 3 : ชีวิตในโรงเรียน
            (1) เวลาเข้าเรียน - เลิกเรียน >> ตอนเช้าจะเริ่มเรียกเข้าแถวตั้งแต่เวลา 07.45 น. เข้าแถวเสร็จจะเริ่มเรียนคาบแรกประมาณ 08.30 น. ส่วนช่วงที่ 2 คาบบ่ายจะเริ่ม 13.00 น.
            (2) วิธีทำโทษนักเรียนมาสาย >> ประมาณ 08.15 จะเริ่มจับนักเรียนมาสาย แต่ก่อนจะให้ยืนเรียงแถวหน้าทางเข้าโรงเรียน แต่ตอนนี้มีสนามเข้าแถวส่วนตัว การทำโทษก็ไม่มีอะไรมาก เช่น ลุกนั่ง ตีด้วยไม้หวาย (แล้วแต่ครูด้วย ถ้าเจอครูดุก็ตูดช้ำเลยทีเดียว) บางครั้งก็ให้ทำพิธีหน้าเสาธงใหม่
             (3) กิจกรรมสุดฮิตหลังเลิกเรียน >> นั่งเม้าส์กันสนั่นใต้ถุนอาคาร 10, นั่งลอกการบ้านที่ศาลา 12 ราศี, เล่นบาส, เล่นบอล, เข้าห้องศูนย์พสวท., เข้าห้องทูบีฯ(ร้างแล้ว), เรียนเสริมกับทางโรงเรียนที่แสนถูก หรือเรียนพิเศษตามกวดวิชา
             (4) ที่เที่ยว ที่สถิต หลังเลิกเรียน >> สามกษัตริย์, เซ็นทรัลแอร์พอท, เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว, กาดหลวง, กวดวิชาโดยเฉพาะ เคมีอ.อุ๊ เชียงใหม่ อ.ปิงดาว้อง เลอกรูรู ฯลฯ แล้วก็อีกหลายที่แล้วแต่นักเรียนศรัทธา
             (5) กีฬาเด็ดๆ ของคาบพละ >> ที่สุดของที่สุดสำหรับที่นี่ คือ ลีลาศ แบบว่ามันส์มาก สนุกมากกก ที่นี่เต้นเพลงฝรั่ง อาจารย์ต้องเป็นหน.สมาคมลีลาศแน่ๆ เลยเด็ดขนาดเน้อ!! เพื่อนบางคนก็มีดีดรีเป็นนักกีฬาลีลาศได้ออกสเตปแดนซ์โชว์ที มีคนแห่กันมาดูตรึม
             (6) รุ่นพี่ไอดอล (ที่จบไปแล้ว) >> ถ้าที่ดังๆ เลยก็ พี่ปั๊ป, พี่อิม อชิตะ, ป้าปุ้ย, พี่หงส์, พี่ต้อลเอเอฟ4, พี่แชมป์ โอไอซี
             (7) ข้าวในโรงอาหาร จานละเท่าไหร่ >> แต่เดิม 15 - 20 บ. แล้วก็เปลี่ยนเป็น 20 - 25 บ. ตอนนี้อยู่ที่ 25 - 30 บ. ละมั้ง
             (8) มีของกินหน้าโรงเรียนมั้ย มีอะไรบ้าง >> อยากบอกว่าโครตเยอะเลยแหละของกินอ่ะ เรียงเป็นร้านๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม-นม-น้ำอัดลม-ผลไม้ ของทอด ของหนัก ข้าวมันไก่ต้ม-ไก่ทอด ขนมจีน ขนมปังปิ้ง กล้วยทอด-มันทอด รวมๆ คือ เยอะมาก                
             (9) อะไรคือ ความเว่อร์ที่สุดของกีฬาสีปีที่ผ่านๆ มา >> 
คงจะเป็นคอนเซ็ปของแต่ละสีมากกว่าที่มีความแปลกใหม่ขึ้น

    หมวด 4 :   บอกรักโรงเรียน
                “ยุพราชวิทยาลัย” โรงเรียนที่สร้างขึ้นเป็นพระบรมรานุสรณ์แห่งรัชกาลที่ 6 แห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงโรงเรียนที่สอนหนังสือ คุณธรรม จริยธรรมเท่านั้น แต่ยังสอนให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์ และการศึกษาที่ดีไม่ได้เป็นพื้นฐานของชีวิตเสมอ แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับสังคมและช่วยเหลือสังคมเป็นพื้นฐานของชีวิตที่ดีกว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมคิดได้จากการที่ได้มาอยู่โรงเรียนแห่งนี้ ผมอาจจะไม่เก่งที่สุดในโรงเรียน ไม่ได้อยู่ที่โหล่ๆของโรงเรียน แต่ผมก็ไม่เคยอายที่จะบอกว่าผมจบที่ “ยุพราช” จนถึงปัจจุบันผมก็ยังยิ้มและภูมิใจที่ได้จบสถาบันแห่งนี้ที่อยากจะบอกว่าโครตของโครตคิดถึงและอยากกลับไปที่สุดดดดด
 
“ชั่วดีอย่างไร เราต้องรักกัน”
เปิดรั้วโรงเรียนโดย : นายเตนิพนธ์ (ปัจจุบัน.วิทยา มหิดล)
เด็กดีดอทคอม :: โรงเรียนนี้น่าอยู่ (20) : โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย (ย.ว.)